ข้อ | RMF | LTF |
| 1. RMF คืออะไร? RMF ย่อมาจากคำว่า Retirement Mutual Fund หรือเรียกในชื่อไทยว่า “กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ” เป็นกองทุนรวมประเภทหนึ่ง (กองทุนรวม หมายถึง การนำเงินของผู้ลงทุนหลายๆ คนมารวมกัน แล้วมีมืออาชีพ ซึ่งก็คือ บริษัทจัดการ คอยบริหารจัดการเงินตามนโยบาย การลงทุนที่กำหนดไว้) ซึ่งมีวัตถุประสงค์พิเศษแตกต่างจาก กองทุนรวมทั่วไป คือ RMF เป็นเครื่องมือหนึ่งในการ สะสมเงินไว้ใช้ในวัยเกษียณ ที่ทางการให้การสนับสนุน สิทธิประโยชน์ทางภาษีแก่ผู้ลงทุนเพื่อเป็นแรงจูงใจ | | LTF คืออะไร? LTF ย่อมาจากคำว่า Long Term Equity Fund หรือเรียกในชื่อไทยว่า “กองทุนรวมหุ้นระยะยาว” เป็นกองทุนรวมที่เน้นลงทุนในหุ้น โดยทางการสนับสนุน ให้จัดตั้งขึ้นเพื่อเพิ่มสัดส่วนผู้ลงทุนสถาบัน (ซึ่งก็คือ กองทุนรวม) ที่จะลงทุนระยะยาวในตลาดหลักทรัพย์ฯ การเพิ่มผู้ลงทุนสถาบันดังกล่าวจะช่วยให้ตลาดทุนไทย มีเสถียรภาพมากขึ้น ทั้งนี้ ผู้ที่ลงทุนใน LTF ที่เป็น บุคคลธรรมดาจะได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีเพื่อเป็น แรงจูงใจในการลงทุน | |
| RMF เหมาะกับใคร? เหมาะกับคนทุกกลุ่มที่ต้องการออมเงินเพื่อวัยเกษียณ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คนที่ยังไม่มีสวัสดิการออมเงินเพื่อ วัยเกษียณ เช่น กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ หรือกองทุน บำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) มารองรับ หรือมี สวัสดิการดังกล่าวแต่ยังมีกำลังออมเพิ่มมากกว่านั้นได้อีก | | LTF เหมาะกับใคร? เหมาะกับคนทุกกลุ่มที่ต้องการลงทุนในหุ้นระยะยาว แต่อาจไม่มีความชำนาญเกี่ยวกับการลงทุนในหุ้น หรือไม่มีเวลาจึงลงทุนผ่านกองทุนรวม ทั้งนี้ ผู้ลงทุน จะต้องเข้าใจและยอมรับความเสี่ยงจากการลงทุน และเงื่อนไขเกี่ยวกับระยะเวลาในการลงทุนได้ | |
| RMF มีนโยบายการลงทุนเป็นอย่างไร? มีนโยบายการลงทุนให้เลือกหลากหลายเหมือนกองทุนรวม ทั่วไป ตั้งแต่กองทุนที่มีระดับความเสี่ยงต่ำ เน้นลงทุนใน ตราสารหนี้ เช่น พันธบัตร กองทุนที่มีระดับความเสี่ยง ปานกลางที่อาจผสมผสานระหว่างการลงทุนในตราสารหนี้ และตราสารทุน ไปจนถึงกองทุนที่มีระดับความเสี่ยงสูง เน้นลงทุนในตราสารทุน เช่น หุ้น ใบสำคัญแสดงสิทธิ การซื้อหุ้น (warrant) | | LTF มีนโยบายการลงทุนเป็นอย่างไร? มีนโยบายการลงทุนแบบเดียว คือ ลงทุนในหุ้นที่ จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ไม่น้อยกว่าร้อยละ 65 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยอาจเน้นลงทุน ในหุ้นกลุ่ม SET50 หุ้นตามกลุ่มอุตสาหกรรม หรือลงทุน ในหุ้นตามที่บริษัทจัดการเห็นควรก็ได้ ขึ้นอยู่กับ รายละเอียดนโยบายการลงทุนของแต่ละ LTF | |
| RMF มีข้อแตกต่างจากกองทุนรวมทั่วๆ ไปอย่างไร? 1. หากลงทุนครบตามเงื่อนไขจะได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี 2. ไม่สามารถโอน จำนำ หรือนำหน่วยลงทุนไปเป็น หลักประกันได้ 3. ไม่มีการจ่ายเงินปันผล | | LTF มีข้อแตกต่างจากกองทุนรวมทั่วๆ ไปอย่างไร? 1. หากลงทุนครบตามเงื่อนไขจะได้รับสิทธิประโยชน์ ทางภาษี 2. ไม่สามารถโอน จำนำ หรือนำหน่วยลงทุนไปเป็น หลักประกันได้ 3. เป็นกองทุนเปิด ซึ่งกำหนดให้ขายคืนหน่วยลงทุน ได้ไม่เกินปีละ 2 ครั้ง | |
กองทุนรวม ETF
ถ้าถามว่า กองทุนรวม ETF คืออะไร คำตอบที่ง่ายที่สุด ได้แก่ กองทุนเปิดที่มีนโยบายลงทุนในหุ้น (Open-ended Equity Fund) และหน่วยลงทุนของกองทุน ETF ยังเป็นหลักทรัพย์ที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ (Listed Securities) อีกด้วย นอกจากนี้ ส่วนใหญ่แล้ว กองทุน ETF จะมีนโยบายการลงทุน โดยมุ่งเน้นให้ได้ผลตอบแทนที่ใกล้เคียง หรือเทียบเท่าดัชนีที่ใช้อ้างอิง (underlying index) เช่น อิงกับดัชนีราคาตลาดหลักทรัพย์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น S&P NASDAQ Kodex Nikkei ฯลฯ ซึ่งจะคล้ายกับการลงทุนใน Index Fund เป็นอย่างยิ่ง แต่ กองทุน ETF จะมีข้อได้เปรียบเพิ่มเติมตรงที่มีการคิดค่าธรรมเนียม การจัดการและอื่นๆ ในอัตราที่ต่ำกว่า และการที่กองทุนรวม ETF เป็นหลักทรัพย์จดทะเบียน จะทำให้มีลักษณะการซื้อขายคล้ายกับหุ้นโดยทั่วไปที่ผู้ลงทุนจะทราบราคาซื้อขายได้ตลอดเวลา (real time) มีสภาพคล่องสูง (high liquidity) และสามารถทำรายการซื้อขายผ่าน โบรกเกอร์ได้อย่างสะดวก
ทั้งนี้ กองทุนรวม ETF มักมีสไตล์การลงทุนเชิงอนุรักษ์ หรือ passive management โดยมุ่งหมายให้ได้รับผลตอบแทนใกล้เคียงกับกับดัชนีที่ใช้อ้างอิงมากที่สุด หรือที่เรียกในภาษาเทคนิคว่า ทำให้เกิด tracking error น้อยที่สุด ดังนั้น ผู้ลงทุนในกองทุนรวม ETF จึงน่าจะเป็นผู้ลงทุนที่ต้องการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ แบบมีการกระจายความเสี่ยงอย่างเหมาะสม และทั่วถึง ซึ่งไม่ว่าจะเป็นนักลงทุนรายย่อย หรือผู้ลงทุนประเภทสถาบันต่างก็น่าที่จะมีความสนใจลงทุนในกองทุนรวม ETF เหมือนๆกัน
กองทุนรวม ETF เกิดขึ้นครั้งแรกในประเทศสหรัฐอเมริกาเมื่อประมาณ 13 ปี มาแล้ว จากนั้น ก็เริ่มเข้าสู่ประเทศทางแถบยุโรป และเมื่อราว 4 – 5 ปีที่ผ่านมา เพื่อนบ้านชาวเอเซียของเรา ไม่ว่าจะเป็น จีน เกาหลี ญี่ปุ่น อินเดีย ไต้หวัน สิงคโปร์ ต่างก็มีกองทุนรวม ETF เป็นทางเลือกในการลงทุนด้วยกันทั้งสิ้น คิดเป็นมูลค่ากองทุนรวมกันทั้งโลกสูงถึงประมาณ 487 พันล้านเหรียญสรอ หรือประมาณ 19 ล้านล้านบาททีเดียว
ที่มา : http://www.one-asset.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น